คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องมือวิเศษ

เครื่องมือวิเศษ

        นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ขึ้นมาใช้  ทำให้โลกก้าวหน้าไปข้างหน้าถึง 1 ล้านปีแสง เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนมีการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ขึ้นมาใช้
        หากจะเรียกว่า คอมพิวเตอร์คือ เครื่องมือวิเศษ ก็คงไม่ไกลความหมายไปเลย  เมื่อเรามีเครื่องมือวิเศษใช้งาน  เราจะใช้ความวิเศษที่มีได้หรือไม่ จุดที่นี้เองทำให้ แต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน  พูดง่ายๆว่า   แจกคอมพิวเตอร์  1  เครื่องให้ กับทุกประเทศ แล้วทำการแข่งขัน
        คุณคิดว่า จะมีกี่ประเทศที่ใช้เครื่องมือวิเศษนี้  ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุดเท่าที่ความวิเศษสารพัดที่เครื่องคอมพิวเตอร์มี  หรือ จะไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้เลย จากเครื่องมือวิเศษเครื่องเดียวกัน

       ยกเรื่องมาเช่นนี้ ก็เพราะ  หากเราประเทศไทย ลองสำรวจกันดูว่าเครื่องมือวิเศษ "คอมพิวเตอร์" ที่มีใช้อยู่ในบ้านเราเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล  จำลองข้อมูล  แก้ปัญหายากๆ   ทำงานซ้ำๆอย่างไม่รู้จักเหนื่อย เรียกได้ว่า เครื่องมือวิเศษนี้ จะสำแดงความวิเศษออกมาได้ ต้องมีกระบวนการอะไร

     แน่นอนว่า ต้องมี

     1.  เก็บข้อมูล
     2.  วิเคราะห์ข้อมูล
     3.  แสดงข้อมูล
     และที่สำคัญที่สุด คือ 
     4.  เชื่อมโยงข้อมูล

Google คือผลงานของ 4 ข้อที่ว่ามาอย่างง่ายๆและทรงพลัง

     หันมาสำรวจ การใช้เครื่องมือวิเศษ ของเรา  ล่าสุด อุทกภัยภาคใต้ เรามีข้อมูลที่ต้องการรู้ หลากหลายหน่วยงานในพื้นที่พิบัติภัย เช่น

   ข้อมูลสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยา
   ข้อมูลสภาพน้ำท่า  จากกรมชลประทาน
   ข้อมูลทางหลวงแผ่น จากกรมทางหลวง
   ข้อมูลทางรถไฟ จากการรถไฟแห่งประเทศไทย
   ข้อมูลการจ่ายไฟฟ้า จากการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย
   ข้อมูลศูนย์ช่วยเหลือพิบัติภัย  ไม่รู้หน่วยไหนเป็นหน่วยหลักเมื่อมีภิบัติภัย
   ข้อมูลศูนย์อพยบ   ไม่มีการเตรียมการเตรียมพร้อมรับพิบัติภัย
   ข้อมูลการการเดินทางทางอากาศภายในประเทศ การท่าอากาศยานแห่งประเทไทย
    
   เรามีข้อมูล ครบบ้างไม่ครบบ้าง อย่าง กระจัดกระจาย แม้แต่ในหน่วยงานเอง ก็ไม่มีการบริหารการเข้าถึงอย่างรวดเร็วและง่าย 
   
   ที่สำคัญที่สุด เราขาด ข้อ 4 การเชื่อมโยงข้อมูล  
   จะเห็นได้ว่าแทนที่จะพร้อมในการเข้าถึงข้อมูลในช่วงวิกฤตภัยพิบัติกลับ ใช้งานได้ไม่เต็มที่  
      
     หลังจากน้ำท่วมใหญ่ภาคกลางเมื่อหลายปีก่อน เกิดการเชื่อโยงข้อมูลขึ้นในการบริการจัดการน้ำในปีที่ผ่านมาได้อย่างมีประสิทธภาพมากขึ้น เมื่อเห็นโครงข่ายลุ่มน้ำทั้งหมด ขาดเพียงการเชื่องโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน  ทุกหน่วยงาน เข้ามาอยู่ด้วยกัน

    สำคัญครับ ในการมีเครื่องมือวิเศษ แต่การจะใช้นั้นเราต้อง ทำ 4 ข้อข้างต้น ให้เป็นหนึ่งให้ได้  นั้นหมายถึง ทั้งประเทศ เมื่อประกอบกันแล้ว จะเห็นภาพทั้งหมด เป็นภาพเดียวในทุกมิติ

   
หากเราตระหนักถึงความวิเศษของเครื่องคอมพิวเตอร์  ข้อมูลต่างๆ จะไม่เป็นขยะ หรือเหมือนทองคำที่ยังไม่ได้สกัดออกมา และเสียเงินทองไปเพื่อเครื่องมือวิเศษ  หากเรามี 60 ล้าน คอมพิวเตอร์ 70 ล้านมือถือสมาร์ท  อีกหลายล้านเครื่องในหน่วยงานเดียวกัน ในต่างหน่วยงาน

     ซึ่งความสามารถของเครื่องมือวิเศษ สามารถ บอกเราได้ว่า ณ บ้าน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค ประเทศ  มีสภาพอากาศ มีสภาพสิ่งแวดล้อม  สภาพเศรษฐกิจ  อย่างไร 


     เราเสียเงินทองมากมายในเรื่องการพยากรณ์อากาศ เครืองเรดาร์ฝนเมฆ เครื่องวัดลม ความกดอากาศ แต่ละปีใช้เงินมากมาย มหาศาล หากวัดคุณค่าที่ได้ จากเงินที่เสียไป มันคุ้มหรือไม่ 

 ลองคลิกไปที่ https://www.windytv.com/13.750/100.483?ozone,40.009,91.896,0 มาจาเวปของกรมชลประทาน  จะเจอของวิเศษทางอุตุนิยมวิทยาเข้าให้ในนี้ เอาลิงค์ต้นเรื่องมาเพราะที่ กรมชลตั้งอยู่ในหลืบไม่ซนจริงคง วางนิ่งไม่มีใครดูแน่


มีครบครันเชื่อมโยงข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาสำหรับโลกไว้ นั่นหมายความว่า เครื่องมือวิเศษที่ใช้ในทางอุตุนิยมวิทยาของฝรั่ง ทั้งบนโลกนอกโลก "เชื่อมโยงข้อมูล" ทำให้ทุกมิติทางอุตุนิยาวิทยาโลกทั้งใบ ออกมาแสดงให้เราได้ทราบ  จิ่มไปตรงไหนจะดูข้อมูลอะไร แนวโน้มพยากรณ์บอกออกมาหมด

ลม อุณหภูมิ เมฆ ฝน,หิมะ  คลื่น,ทะเล ความกดอากาศ และหัวข้อย่อยต่างๆ ในแต่ละข้อหลักดังนี้  


สำหรับข้อมูลลม ตั้งแต่ที่พื้นผิว ถึงระดับ 13,5000 เมตร หรือประมาณ 44,000 ฟุต ระดับ เพดานบิน


    รวมตำแหน่งสบามบิน สถานีอวกาศ ที่ตั้งกล้อง  เป็นวันสต๊อปเซอร์วิส ยกหน่วยงานอุตุโลกมาไว้ที่นี่เลย

     นี้คือตัวอย่างการเชื่อมโยงข้อมูล เรียกว่า วิเศษ เงินที่เสียไปในการบริหารตรวจจับพยากรณ์อากาศ แล้วแจ้งเตือนของบ้านเรา  มีข้อมูล ตัวเลขเป็นแถว หลายหมื่นหน้า ตั้งแต่หลายปีที่แล้ว แต่ต้องเปิดดูใส่ตู้เก็บไว้เต็มไปหมด หรือเลื่อนจนนิ้วหงิก เพื่อหาข้อมูล

      เรามีเครื่องมือวิเศษแต่  เราใช้เครื่องมือวิเศษแบบคนยุคหิน เขียนไว้เต็มผนัง หลักหินก็ไม่ต่าง มันจึงไม่เห็นความวิเศษ ถามอะไรตอบไม่ถูกบอกไม่ได้ เป็นขยะล้น    มันไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป เวลาที่เสียไป  

    บ้านเราใช้เงินเหมือนเผาเล่น เผ่าทิ้ง เพชรพลอยเต็มไปหมดแต่เรา ไม่เห็น เครื่องมือวิเศษมากมายแต่เรา ใช้แบบเครื่องมือธรรมดา

    เพราะเราขาดความร่วมมือ สะท้อนได้เป็นอย่างดี จากเครื่องมือวิเศษ "คอมพิวเตอร์" 99.99 % ไม่เชื่อมโยง  เครื่องมือวิเศษ แทนที่จะแสดงความวิเศษ ก็จึงไม่เคยให้ทำงาน ตามความวิเศษ

    และข้ออ้างสำคัญคือ เสรีภาพ ส่วนบุคคล นี่ล่ะครับ ฝรั่งขายเครื่องมือวิเศษให้เราแพงๆ แต่ก็ไล่มนต์สกดไว้  ไม่ให้เราเข้าถึงความวิเศษ พลังวิเศษที่มีของมัน ด้วย  เสรีภาพ ส่วนบุคล  ร้องกันระงม กันคอก กั้นค่าย กระจัดการจาย  แต่ฝรั่งดึงข้อมูลไปเรา ไม่รู้่ หรือ ส่งให้แบบคิดว่าเทห์ สุดท้ายเราเพียงได้แค่ลูบๆคลำๆ เครื่องมือวิเศษกันต่อไป

   หาก Single gate way  จะเป็นการปฏิรูปข้อมูลเพื่อการบริหารประเทศโดยไม่ตาบอด แล้วสามารถจิ้มตรงไหนก็ได้ เห็นหมด ทั้งยามมีภัย ยามปกติ  พื้นที่เพาะปลูก  ชนิดพืช  ผลไม้   แหล่งน้ำ  โรงงานแปรรูป  เส้นทางขนส่ง  จำนวนประชากร   สถานพยาบาล  ก็จงเดินหน้าต่อไป  ใช้ความวิเศษบริหารประเทศแบบรู้แจ้งเห็นจริงในข้อมูล  ทุกมิติ  

   หากรู้แล้ว ตระหนักแล้ว เครื่องมือวิเศษ มันก็สร้างประโยชน์ให้ประเทศ ประชาชน เก็บขยะ จัดสรรคให้มันอยู่เป็นหมวดเป็นหมู่เป็น ปัจจุบัน มีย้อนหลังสิบปี ยี่สิบปี ร้อยปี  ประสิทธิภาพจะเกิดขึ้น อย่างวิเศษ
แต่หากยังไม่ตระหนัก

อย่าไปใช้เครื่องมือวิเศษให้เสียเงินทองไปเลย วิธีโบราณๆ ไม่ต้องเสียเงินเยอะ ผลที่ได้อย่างอย่างที่เป็นๆกันอยุ่ เหมือนๆกัน